ทำไม Kangen Water จึงแตกต่างกับ เครื่องทำน้ำด่างอื่นๆ [ภาค 2]
เรียบเรียงจากหนังสือ Change your water, Change your Life
เขียนโดย Dr. Dave Carpenter, N.D., C. Ac., C.C.I.
APPENDIX: What make ENAGIC Ionizers different?
ส่วนของแผ่นเพลต (Electrode Composition)
ขนาดของเพลต และ พื้นที่ของแผ่นเพลต
แพลตทินั่ม เป็นสิ่งที่ทั้งโลกให้การยอมรับว่า เป็นตัวนำไฟฟ้าในกระบวนการอิเล็คโทรไลสิสในน้ำได้ดีที่สุด เพราะว่า มันนำไฟฟ้าได้ดีที่สุด (Excellent conductor) และไม่ก่อให้เกิดสิ่งเจือปนที่ไม่ต้องการลงมาในน้ำ (non-reactive) อย่างไรก็ตาม ราคาของแพลตทินั่มแพงมากๆ (ปี 2008 ราคาประมาณ 70,000 บาท ต่อ 1 ออนซ์ www.kitco.com) แผ่นเพลตที่ได้มาตรฐาน จะต้องเป็นแผ่นไททาเนียมชุบด้วยแพลตทินั่ม ไททาเนียมเป็นโลหะที่แน่น แข็งมาก แต่สามารถก่อให้เกิดปฎิกิริยาในน้ำได้ (Reactive) ไททาเนียมจึงไม่ควรสัมผัสน้ำโดยตรง เครื่องทำน้ำด่างบางยี่ห้อ ใช้ สแตนเลส สตีล ในการทำแผ่นเพลต หรืออาจจะใช้โลหะผสมอื่นๆ แต่เครื่องที่ได้มาตรฐานจะต้องใช้ ไททาเนียม-แพลตินั่ม เครื่องทุกรุ่นของ Enagic ใช่แผ่นเพลตที่ทำด้วยแผ่น ไททาเนียม-ชุบด้วย-แพลตทินั่ม
แผ่นเพลตในเครื่อง Ionizer นั้นเปรียบเหมือน เครื่องยนต์ในรถยนต์ ส่วนแผ่นเพลตนี้ จะเป็นตัวกำหนดคุณภาพของน้ำ แผ่นที่ใหญ่กว่า และจำนวนแผ่นที่มากกว่าจะทำให้คุณภาพของน้ำ ดีตามขึ้นไปด้วย และส่งผลไปยังปริมาณน้ำที่สามารถผลิตได้ต่อวัน กำลังการผลิตน้ำ และอายุการใช้งานของเครื่อง แล้วแผ่นเพลตก็ยังเป็นตัวกำหนดความเสถียรของ pH กับ ORP อีกด้วย
เครื่องทำน้ำด่างบางยี่ห้อ ใช้แผ่นเพลตที่เป็นแผ่นตาข่าย (Mesh Plate) เพื่อทำให้ พื้นที่ผิวสัมผัสของน้ำมากขึ้น แผ่นตาข่ายอาจทำให้คุณภาพน้ำดีขึ้นได้จริง แต่แผ่นตาข่ายก็มีข้อเสียบางประการ ดังนี้ แผ่นตาข่ายจะมีการยืดตัว และหดตัว ซึ่งเกิดจากความร้อนเมื่อเวลาผลิตน้ำ Ionized water รอยแตกอาจทำให้ไททาเนียมสัมผัสกับน้ำ นอกจากนี้ ในพื้นที่ที่น้ำมีแคลเซียมมาก แคลเซียมหรือหินปูนอาจไปเกาะที่แผ่นตาข่ายเป็นจำนวนมาก และทำความสะอาดได้ยาก ทำให้อายุการใช้งานของเครื่องแบบ Mesh Plate มีอายุการใช้งานที่สั้นมาก บริษัทส่วนมากนิยมใช้แผ่นเต็มมากกว่า (Flat Plate) จำนวนของเพลต และขนาดของเพลตก็มีความสำคัญมากเช่นกัน
Enagic Leveluk SD501 มีจำนวนเพลตที่มาก และเป็นเพลตที่ใหญ่มากที่สุด มีพื่นที่ผิวสัมผัสมากที่สุดในท้องตลาด Ionizer เครื่อง SD501 มีพื้นที่ผิวสัมผัสมากกว่าเครื่องยี่ห้ออื่นถึง 110 ตารางนิ้ว เครื่องยี่ห้ออื่นๆ บางยี่ห้อ แผ่นเพลตมีขนาดเท่ากับบัตรเครดิตการ์ด เท่านั้นเอง และวัสดุที่ใช้ในการทำแผ่นเพลตนี้ มีราคาสูงมาก จึงทำให้เครื่องของ Enagic มีราคาแพงกว่าเครื่องทำน้ำด่างยี่ห้ออื่นๆ
กำลังไฟฟ้า (Power Output)
กำลังไฟ หรือ Wattage เป็นสิ่งที่สำคัญถัดมาจากแผ่นเพลต กำลังไฟที่มาก จะทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องมีมากขึ้นไปด้วย เหมือนหลอดไฟที่มี wattage สูงๆ ก็จะให้ไฟที่สว่างกว่า และเครื่อง SD501 ก็ใช้กำลังไฟมากถึง 230 Watts ในขณะที่เครื่องทำน้ำด่างอื่นๆ ใช้ไฟแค่ 80 – 200 watt เท่านั้น เครื่อง SD501 จึงผลิตน้ำที่คุณภาพสูงมากๆ การ Ionization ก็สูงมาก (ให้ค่า ORP ที่สูงกว่า มีประจุลบมากกว่า เข้าไปช่วยทำลายอนุมูลอิสระ ได้มากกว่า)
Transformer VS SMPS
ระบบไฟปัจจุบันนี้ มี 2 ชนิดคือ Transformer และ Switched Mode Power Supply (SMPS)
Transformer เป็นระบบไฟที่เสถียรมากที่สุด มีประสิทธิภาพมากที่สุด สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดในการใช้ระบบนี้ คือ เครื่องจะมีความร้อนสูงขึ้น (overheat) เมื่อทำงานไปนานๆ
SMPS จึงถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อป้องกันการเกิดความร้อนสูงเกินไป โดยระบบจะปรับแรงดันไฟฟ้า (voltage) เมื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าทำงาน โดยจะใช้แรงดันไฟฟ้าจะถูกปรับให้เป็น ‘Pulsed’ ก็คือค่าแรงดันไฟฟ้าจะไม่คงที่ จะขึ้น-ลง เสมอ ทำให้เครื่องไม่เกิดความร้อนสูง
เครื่องบางประเภทเลือกที่จะใช้ไฟระบบ SMPS ถึงแม้ว่าจะทำให้เครื่องทำงานได้ไม่เต็มที่เท่ากับ Transformer ก็ตาม และก็มีเครื่องบางประเภท ที่ใส่ตัวตัดไฟเอาไว้ เพื่อเวลาที่เครื่องทำงานร้อนมากๆ เครื่องจะตัดไฟในทันที
อย่างไรก็ตาม Enagic ได้พัฒนา สร้างระบบไฟฟ้าได้อย่างรอบคอบ Enagic ใช้ระบบไฟฟ้าแบบ Transformer และไม่ใส่ตัวตัดไฟลงไปในเครื่อง เพราะว่า เครื่องของ Enagic สามารถทำงานได้อย่างหนักหน่วง โดยที่เครื่องไม่ร้อน (ที่คลินิคของผม ผลิตน้ำ 1000-1500 ลิตร ต่อวัน และเครื่องของผม ก็ไม่เคย Overheat เลย)
ฟังคำอธิบายเกี่ยวกับ เครื่องระบบไฟฟ้า เพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.youtube.com/watch?v=TgC24D0VWFc
อัตราการไหลของน้ำ (Water Output)
อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อระบบ Ionization คือ ระยะเวลาที่น้ำไหลผ่านขั้วแม่เหล็กไฟฟ้าที่อยู่ในเครื่อง ยิ่งน้ำผ่านตัวเครื่องนานเท่าไหร่ ค่า ORP และ pH ก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น เครื่องที่แผ่นเพลตไม่แข็งแรงพอ หรือเครื่องที่มีแผ่นเพลตเล็กมากๆนั้น จะผลิตน้ำได้ช้ามาก เพราะต้องการเวลาที่จะผ่านแผ่นเพลตนานขึ้น เครื่องจึงบีบน้ำให้ไหลช้าลง
แต่เครื่อง Leveluk SD501 นั้น สามารถผลิตน้ำได้เร็วสูงสุดถึง 7.6 ลิตร ต่อนาที ซึ่งความสามารถในการผลิต สูงกว่าเครื่องทำน้ำด่างทั่วไป 2 ถึง 3 เท่าตัว และแม้ว่าจะผลิตน้ำได้มาก แต่ระดับค่า ORP ที่อเป็นลบก็มากด้วยเช่นกัน เครื่องตัวนี้สามารถผลิตน้ำได้สูงที่สุดถึง ORP -850 mV แรงดันของน้ำ สามารถปรับได้ ขึ้นอยู่กับความแรงของน้ำในแต่ละพื้นที่
อายุไส้กรอง (Filter Life)
ไส้กรองที่มาตรฐานสูงของ Enagic สามารถใช้งานได้ประมาณ 11,000 ลิตร หรือประมาณ 9 ถึง 12 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้งานในแต่ละบ้าน ไม่มีเครื่องทำน้ำด่างเครื่องไหน ที่ไส้กรองสามารถใช้งานได้นานขนาดนี้
การรับประกัน และอายุการใช้งาน (Warranty and lifespan)
อีกสิ่งสำคัญที่ทำให้เครื่องของ Enagic มีราคาสูง คือเครื่องตัวนี้มีระบบที่ทำให้เราสามารถล้างเครื่องได้เอง ระบบการล้างเครื่องนี้ ได้ถูกจดสิทธิบัตรไว้เป็นการล้างเครื่องที่มีในเครื่องของ Enagic เท่านั้น ผู้ใช้สามารถล้างเครื่องให้ใหม่อยู่เสมอได้ทุกๆเดือน ถ้าผู้ใช้ ดูแลรักษาเครื่องเป็นอย่างดี เครื่องจะมีอายุใช้งานที่ยาวนานมาก ทุกชิ้นส่วนของเครื่อง ถูกผลิตโดยบริษัท Enagic แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น (ไม่มีการสั่งส่วนประกอบจากนอกโรงงาน) ถ้าส่วนในส่วนหนึ่งของเครื่องเสียหาย สามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนได้ตามสำนักงานต่างๆของ Enagic ที่มีอยู่ทั่วโลก (มากกว่า 30 สาขา รวมถึงประเทศไทยด้วย) เครื่อง SD501 ยังรับประกันอีก 5 ปีเต็ม (รวมทั้งค่าอะไหล่ และค่าแรง) เป็นการรับประกันที่นานที่สุดเท่าที่จะหาได้ในตลาดปัจจุบัน
ทุกๆอย่างที่กล่าวมานี้ ทำให้เครื่อง SD501 เป็นเครื่องที่น่าสนใจมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกำลังไฟฟ้าที่สูง, เนื้อที่แผ่นเพลตมากที่สุด, กำลังการผลิตที่ดีที่สุด, ค่า ORP ที่ดีที่สุด, และการรับประกันอีก 5 ปี สิ่งเหล่านี้ทำให้ เครื่อง SD501 จาก Enagic เป็น GOLD STANDARD ของเครื่อง Ionizer หรือเครื่องทำน้ำด่างทั้งหมดทั้งปวง
ย้อนอ่าน ทำไม Kangen Water จึงแตกต่างกับ เครื่องทำน้ำด่างอื่นๆ [ภาค 1]